ไม่มีใครแทนที่ได้ เหตุผลที่ไม่มีการ์ตูนโชเน็นเรื่องไหน มาแทนที่โชเน็นบิ๊กทรี
ไม่มีใครแทนที่ได้ การ์ตูนยอดนิยมทั้งสามเรื่อง จนได้ฉายาว่าเป็นบิ๊กทรีจากค่ายโชเน็นจัมป์ เรามีเหตุผลที่ไม่มีการ์ตูนเรื่องไหนแทนได้
ไม่มีใครแทนที่ได้ เหล่าบรรดาแฟนอนิเมะและมังงะส่วนใหญ่ ก็น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า “บิ๊กทรี” ของค่ายการ์ตูนยักษ์ใหญ่อย่างโชเน็นจัมป์ ซึ่งก็ได้แก่การ์ตูนเรื่อง วันพีซ, นารูโตะ (นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ) และบลีช..เทพมรณะ ซีรีส์การ์ตูนทั้งสามเรื่องนี้ ได้รับฉายาว่าเป็นบิ๊กทรี ของการ์ตูนในแนวโชเน็นที่โด่งดังในช่วงยุคทอง ของโชเน็นจัมป์ในยุค 2000 และได้รับความนิยมไปทั่วโลก หลายคนตกหลุมรักกับเรื่องราวแอ็คชั่น และการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น ฉากการต่อสู้ระหว่างฮีโร่และผู้ร้าย และการเติบโตพัฒนาการของตัวละครหลัก
ซึ่งคำว่าบิ๊กทรี ยังคงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในชุมชนอนิเมะ และซีรีส์โชเน็นในปัจจุบันหลายเรื่อง ก็ได้จำลองและมีเรื่องราวในแนวเดียวกัน ของทั้งสามเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม แฟนๆ ต่างสงสัยว่าเป็นไปได้ไหม ที่จะมีบิ๊กทรีเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งแฟนการ์ตูนหลายคนก็ถกเถียงกันว่า แล้วบิ๊กทรีที่จะเพิ่มขึ้นมาในปัจจุบันคือเรื่องอะไร มายฮีโร่..อคาเดเมีย, ผ่าพิภพไททัน, ดาบพิฆาตอสูร และมหาเวทย์ผนึกมาร ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า จะมีโชเน็นใหม่เรื่องไหนบ้าง ที่จะเข้ามาแทนที่บิ๊กทรี
นั่นเพราะการ์ตูนทั้งสามเรื่อง ได้ปูทางสู่การเล่าเรื่อง การสร้างโลก และการพัฒนาตัวละครในกลุ่มโชเน็น ตัวละครหนึ่งที่มักเห็นในซีรีส์โชเน็นคือ อาจารย์ที่ฉลาดและมีนิสัยแปลกประหลาด ที่คอยฝึกฝนตัวเอกชายหนุ่ม ตัวละครเหล่านี้มักจะใจดีและมีบทพูดที่ดี และพวกเขาจะมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ทัศนคติต่อชีวิตของพวกเขาส่วนใหญ่ เกิดจากการมีอดีตที่มืดมน หรือมีบาดแผล ตัวอย่างหลักของตัวละครเหล่านี้ ได้แก่ ฮาตาเกะ คาคาชิ จากการ์ตูนนารูโตะ และ อุราฮาร่า คิสึเกะ จากเรื่องบลีช
และสำหรับตัวอย่างซีรีส์โชเน็นในปัจจุบัน ที่เหมือนจะมาในแนวเดียวกันก็คือ ตัวละครโกะโจ ซาโตรุ จากการ์ตูนมหาเวทย์ผนึกมาร ที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ชาญฉลาด ซึ่งฝึกฝน อิตาโดริ เกี่ยวกับวิธีควบคุมวิญญาณที่ถูกสาป ซึ่งนักวาดการ์ตูนใช้ตัวละครนี้ เพื่อช่วยให้ตัวละครหลักเติบโต และให้ช่วงเวลาตลกขบขันมากมาย ในการฝึกตัดต่อเรื่องราวธรรมดาทั่วไป ด้วยลักษณะเฉพาะอย่างเช่น “ที่ปรึกษาที่ฉลาดและแปลกแหวกแนว” ที่สร้างไว้แล้ว ผู้สร้างการ์ตูนใหม่ๆ จึงประสบปัญหาในการเพิ่มอะไรใหม่ๆ และไม่มีความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งการ์ตูนที่อยู่ในบิ๊กทรี ได้กำหนดองค์ประกอบหลักบางอย่าง ในมังงะโชเน็น และตอนนี้คุณสมบัติเหล่านี้ เป็นข้อกำหนดสำหรับซีรีส์ที่จะเรียกว่า “โชเน็น” อย่างไรก็ตาม ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ว่า หลายคนเคยดูโชเน็นสูตรเดิมซ้ำๆ และเบื่อหรือไม่สนใจ เพื่อเปิดทางให้บิ๊กทรีใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซีรีส์ควรมีองค์ประกอบหลักทั้งหมด ที่แพร่หลายในทุกกลุ่มประชากร แต่ต้องมีแนวคิดโครงเรื่องดั้งเดิม ที่ทำให้ซีรีส์ดึงดูดใจแฟนการ์ตูน มานานหลายทศวรรษ
บิ๊กทรีที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ทั้งสามเรื่องนี้มีมังงะมากกว่าเจ็ดสิบเล่ม ที่ตีพิมพ์ และอนิเมะมากกว่าสามร้อยตอน อายุที่ยืนยาวของอนิเมะแต่ละซีรีย์นั้น เกิดจากจำนวนส่วนเนื้อเรื่องสำคัญ และตอน “ฟิลเลอร์” ตอนที่เติมหรือส่วนที่เป็นการผจญภัย ที่ไม่ขึ้นกับมังงะต้นฉบับ ตอนที่เติมเต็ม ช่วยให้ผู้ชมได้เห็นตัวละครที่พวกเขาชื่นชอบ จากมุมมองที่ดีและดูเบาสมอง และสามารถนำไปสู่การพัฒนาตัวละครต่อไปได้
การสร้างตอนพิเศษ หรือที่เรียกว่าฟีลเลอร์ ของการ์ตูนทั้งสามในบิ๊กทรี สามารถทำให้เข้าใจตัวละคร และเนื้อเรื่องเพิ่มขึ้นได้
ในปัจจุบัน สตูดิโออนิเมะและการเขียนมังงะ ได้จำกัดตอนพิเสษในซีรีส์โชเน็น อาจเป็นเพราะการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แฟนการ์ตูนได้พูดแบบตรงไปตรงมา เกี่ยวกับความผิดหวังของพวกเขา สำหรับตอนที่เติมเต็ม (พิเศษ) หรือเนื้อเรื่องที่เบี่ยงเบนไปจากโครงเรื่องดั้งเดิม เช่น ซีรีส์แขนกลคนแปรธาตุ ภาคแรก และพันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ก็สามารถอ่านมังงะตอนล่าสุด เพื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แทนที่จะรอตอนหรือซีซันถัดไป ทำให้ตอนพิเสษนั้น ไม่มีจุดหมายในการรับชม
หากมังงะยังคงดำเนินต่อไป สตูดิโอจะแบ่งซีรีส์ออกเป็นหลายซีซัน โดยแต่ละซีซันจะพยายามสร้างให้มังงะและอนิเมะ ออกจำหน่ายและออกอากาศควบคู่กันไป ตัวอย่างหนึ่งคือผ่าพิภพไททัน เมื่ออนิเมะไล่ตามทันมังงะ ซีรีส์อนิเมะก็หยุดชะงักลง ทำให้ฮาจิเมะ อิซายามะ มีเวลาเขียนและสรุปมังงะมากขึ้น และสตูดิโออนิเมะไม่ต้องการทำให้แฟนๆ ผิดหวัง พวกเขาต้องการผลิตซีรีส์คุณภาพเยี่ยม ที่ตรงตามต้นฉบับของมังงะ ซึ่งปัจจุบันสตูดิโอแทบไม่ได้สร้างตอนพิเศษเลย แม้ว่านั่นจะหมายถึง การไม่สามารถรวบรวมแฟนการ์ตูนใหม่ๆ หรือมีส่วนทำให้ซีรีส์มีอายุยืนยาวได้
ซึ่งการการไม่ผลิตตอนพิเศษขึ้นมา ซีรีส์อนิเมะก็มีความเสี่ยง ที่จะได้รับความนิยมแค่ในในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากซีรีส์ยอดนิยมในบิ๊กทรี ที่คงอยู่ยาวนานหลายชั่วอายุคน ซึ่งโครงเรื่องในบิ๊กทรี ก็ได้เน้นไปที่ภารกิจของฮีโร่ ที่ได้รับความนิยมในมังงะ ตัวเอกชายเป็นคนที่จิตใจดี ที่มีเป้าหมายที่เรียบง่ายแต่ทะเยอทะยาน ซึ่งกำหนดทิศทางของซีรีส์ทั้งหมด อย่างเช่นในวันพีซ เป้าหมายสูงสุดของมังกี้ ดี. ลูฟี่คือการเป็น “ราชาแห่งโจรสลัด” และในนารูโตะ อุซึมากิ นารูโตะ ต้องการเป็นโฮคาเงะคนต่อไป
สำหรับอิจิโกะ คุโรซากิ ในการ์ตูนเรื่องบลีช ก็มีเป้าหมายที่ต้องการปกป้องเพื่อน และครอบครัวของเขาจากอันตราย ผู้เขียนในการ์ตูนบิ๊กทรี ได้สร้างเป้าหมายง่ายๆ ให้กับตัวละครของพวกเขา เพราะจะเป็นประโยชน์ ในการกำหนดความยาวของซีรีส์ทั้งหมด ผู้สร้างสามารถสร้างส่วนสำคัญของเนื้อเรื่อง ของเรื่องราวได้อย่างอิสระ โดยจัดแสดงตัวเอกที่อยู่ระหว่างการทดสอบ และความท้าทายก่อน ที่ตัวเอกจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างเต็มที่ ดังที่เห็นได้จากเรื่องราวของลูฟี่ ที่เป็นซีรีส์เดียวของบอ๊กทรี ที่ตัวละครยังคงดำเนินเรื่องราวต่อไป
และถ้าหากการ์ตูนเรื่องอื่นๆ จะมีคุณสมบัติเป็นมังงะเรื่องใหม่ในบิ๊กทรี ซีรีส์โชเน็นต้องการตัวละครที่น่ารัก ซึ่งผ่านการเติบโตของตัวละคร ไปพร้อมกับการไล่ตามเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน นอกจากนี้เป้าหมายควรมีอุปสรรคมากพอ ที่ผู้เขียนมังงะจะมีโอกาสขยายโครงเรื่อง ออกเป็นหลายส่วนได้ ซีรีส์โชเน็นในยุคปัจจุบันจะจบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อบรรลุเป้าหมายหลัก ทุกวันนี้ ผู้อ่านชอบซีรีส์ที่สั้นกว่า และนักวาดการ์ตูนก็ไม่รู้สึกหนักใจ หรือกดดันเมื่อต้องสร้างเนื้อหาเหล่านี้ และถึงแม้ว่า ไม่มีใครแทนที่ได้ สำหรับบิ๊กทรี แต่อนาคตของมังงะโชเน็น ก็ยังสดใสอยู่ manga-alice.com