มังงะเบอร์เซิร์ก สิ่งที่มังงะเรื่องเบอร์เซิร์ก ทำได้ดีกว่ามังงะเรื่องอื่นๆ
มังงะเบอร์เซิร์ก เหตุผลง่ายๆ ที่แฟนมังงะหลายคนยกให้การ์ตูนเรื่อง “เบอร์เซิร์ก” เป็นซีรีส์มังงะที่ดีที่สุดตลอดกาล
มังงะเบอร์เซิร์ก ที่เหล่าบรรดาคนที่ชอบอ่านการ์ตูนให้ความสนใจ และยังมียอดจำหน่ายที่สูงจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ “เบอร์เซิร์ก” ของผู้เขียน เค็นทาโร่ มิอูระ เปิดตัวในปี 1989 ที่เริ่มแรกนั้นก็ไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่ในไม่ช้าก็กลายเป็นหนึ่งในชื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลกของมังงะ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ถึงตอนนี้ก็ได้มีเรื่องราวออกมาประมาณ 41 เล่ม และได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในซีรีส์การ์ตูนที่ดีที่สุดตลอดกาล และยังมียอกจำหน่ายและยอดคนอ่านเป็นอันดับ 1 ในเว็บไซต์มายอนิเมะลิสต์เลยทีเดียว
ซึ่งท้ายที่สุดมันเป็นเรื่องของความคิดส่วนตัวว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้มังงะเรื่องนี้ ถึงได้ครองใจแฟนมังงะ มากที่สุดเป็นลำดับต้นๆ และหลายท่านก็มีความคิดเป็นของตนเองในสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์มังงะ รายการทีวี หรืออัลบั้มเพลง แต่ถึงกระนั้น ก็ยากที่จะปฏิเสธว่าผลงานชิ้นเอก ของเค็นทาโร่ ที่ในมังงะเรื่องนี้ทำได้หลายสิ่งในเนื้อเรื่อง ที่ยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ และมักจะทำได้ดีกว่าซีรีย์แฟนตาซี หรือแอ็คชั่นมังงะอื่นๆ ที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ และเราจะมาดูเหตุผลโดยรวม ที่เหนือกว่ามังงะเรื่องอื่นๆ
อันดับแรกก็น่าจะเป็นแอคชั่นเลือดสาด ที่ดูจริงจังและสะใจคนอ่าน ซึ่งมันอาจจะดูโหดร้ายและรู้สึกน่ากลัวไปบ้าง หากแฟนการ์ตูนและอนิเมะบางคน ที่ไม่ค่อยชอบฉากที่รู้สึกว่ามันดูโหดร้ายเกินไป สำหรับฉากแอ็คชั่นที่มีการนองเลือด แต่ใครก็ตามที่คลั่งไคล้ และชอบดื่มด่ำกับการต่อสู้ที่นองเลือด ซึ่งช่วยให้ความโหดร้ายของสงครามชัดเจนยิ่งขึ้น และฉากที่เต็มไปด้วยเลือดของมังงะเรื่องนี้ ช่วยขับเคลื่อนฉากการต่อสู้ให้กลับมาดีกว่าซีรีส์อื่นๆ
ต่อเนื่องด้วยการกำหนดฉาก และการจัดฉากต่างๆ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เมื่อแต่ละฉากของซีรีส์มังงะเกิดขึ้น ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่นทุ่งหญ้าที่กว้างขวาง หรือในตัวเมืองใหญ่ๆ ศิลปินมังงะจะต้องวาดฉากเหล่านั้น ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถชื่นชมกับขนาดของฉากทั้งหมด ซึ่งมังงะเรื่องนี้ก็ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยบัลลังก์รูปมือขนาดใหญ่ของหัตถ์เทวะ ที่ดูใหญ่โตมาก บ่อยครั้งที่วัตถุหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่จะปรากฏในฉาก
และทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น ความรู้สึกของการ์ตูนเรื่องมาตราส่วนนั้นน่าประทับใจ และเข้าใจง่าย ตัวอย่างคือเมื่อจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม กลายเป็นยักษ์ หรือเมื่อกลุ่มเหยี่ยวยืนอยู่ต่อหน้าใบหน้ายักษ์ การโชว์ความรู้สึกตัวละคร ให้แสดงออกมาได้ชัดเจนมากที่สุดนั้น ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เมื่อตัวละครอย่างกัส ทหารรับจ้างที่ต้องผ่านอะไรมามากมาย มังงะหรืออนิเมะควรทำให้ข้อเท็จจริงนั้นชัดเจน ยังไม่เพียงพอที่จะใช้การอธิบาย หรือการย้อนเหตุการณ์เพื่อแสดงสิ่งที่ตัวละครรอดชีวิตมาได้
รูปลักษณ์ของพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่แต่ตัวละครของกัสเท่านั้น ที่เริ่มมีรอยแผลเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จากประสบการณ์มากมายของเขา ตั้งแต่รอยแผลเป็นเล็กๆ ทั่วร่างกาย ไปจนถึงมือและตาที่หายไป ไปจนถึงปอยผมสีขาว ที่เกิดจากความเครียดอย่างรุนแรง สิ่งนี้ทำให้เห็นถึง การใส่ใจของผู้เขียน ที่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ตัวละครแต่ละตัวก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และร่องรอยที่เกิดจากการต่อสู้ manga-alice.com
ต่อไปเป็นเรื่องของอาวุธประจำกาย ของตัวละครทุกตัว ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฮีโร่ตัวนั้นๆ
ในมังงะและอนิเมะ อาวุธของฮีโร่ ชุดเกราะ หรือพลังเวทย์มนตร์ของฮีโร่จะสะท้อนว่า พวกเขาเป็นใครและยืนหยัดเพื่ออะไร กัสใช้ใช้ดาบมังกร ซึ่งเป็นอาวุธหนักหน่วง ที่สะท้อนถึงความคิดที่อาฆาตพยาบาทและก้าวร้าวของ เขา เขาและอาวุธนั้นก็มีเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไป กัสและดาบของเขาเริ่มจะพังจากการต่อสู้ และจำเป็นต้องหลอมใหม่ สิ่งที่ทำให้ดูสมจริงและเข้าถึงคนอ่านได้ก็คือ พลังพิเศษไม่ได้มาง่ายๆ ต้องใช้การฝึกฝน หรือการแลกเปลี่ยนที่มีค่าสูง
ซีรีย์มังงะและอนิเมะที่คุ้มค่าทุกเรื่อง จะเข้าใจว่าสำหรับฮีโร่และวายร้าย การให้ได้มาซึ่งพลังนั้นมันมีราคาที่ต้องจ่าย ตั้งแต่เวลาชีวิต และพลังงานที่ใช้ไปกับการฝึกฝน การแลกเปลี่ยนวิญญาณกับปีศาจ หรือแม้แต่การเสนอส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเบอร์เซิร์กก็ยกระดับสิ่งนี้ อย่างเช่นวายร้ายตัวหลัก กริฟฟิธ ที่ต้องจ่ายราคาสูงเพื่อเข้าร่วมหัตถ์เทวะ ดังนั้นเขาจึงเสียสละสมาชิกทุกคนในกลุ่มเหยี่ยว นั่นเป็นความโหดร้ายแต่ก็เป็นสิ่งที่ทำต้องเช่นกัน ต่อมากัสได้รับพลังอันน่าเกรงขาม ของชุดเกราะเบอร์เซิร์กเกอร์ โดยสูญเสียการควบคุมความโกรธของเขา และผลักดันร่างกายของเขาให้ถึงจุดแตกหัก
ซีรีส์มังงะและอนิเมะส่วนใหญ่ ใช้ฉากย้อนอดีตมากมายเ พื่อพรรณนาเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่มักจะมีปริศนาหรือแสดงสาเหตุที่ตัวละครมีแรงจูงใจมาก ซีรีส์อย่างเทพมรณะ, โตเกียว กูล และผ่าพิภพไททัน ก็มีฉากย้อนอดีตที่สุดเจ๋ง แต่ก็เทียบไม่ได้กับเรื่องราวในยุคทองของเทพเจ้า ในเบอร์เซิร์ก ที่เป็นเรื่องราวย้อนอดีตที่ยาวที่สุด และดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีมา และยังเป็นเรื่องราวย้อนหลังเรื่องเดียวอีกด้วย ซึ่งเป็นการย้อนอดีตครั้งใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องราวแบบสแตนด์อโลน ซึ่งซีรีส์มังงะเรื่องอื่น ทำไม่ได้แบบนี้
เรื่องราวแอ็กชันที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง จะไม่เพียงแสดงให้เห็นการกระทำ และผลที่ตามมาเท่านั้น แต่ยังแสดงแรงจูงใจทางการเมืองในเรื่อง สำหรับสิ่งนี้ในโลกของเบอร์เซิร์ก ราชสำนักและธุรกิจขนาดใหญ่ล้วนมีความหมายทุกอย่าง ตั้งแต่ราชสำนักของมิดแลนด์ ไปจนถึงอิทธิพลอันทรงพลังของสันตะปาปา และตัวของสันตะปาปาเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกัน ทำให้ตัวละครมีเหตุผลที่น่าสนใจ ในการพูดและทำสิ่งที่พวกเขาทำ ตัวอย่างคือการสมรู้ร่วมคิดของกริฟฟิธ ในยุคทอง และวิธีที่เขาและความกล้าตอบโต้อย่างโหดเหี้ยม
และซีรีย์มังงะบางเรื่อง มีบทสนทนาที่หนักหน่วงและน่ากลัว เช่นเดธโน้ต ในขณะที่บางเรื่องค่อนข้างเบาบาง โดยทั้งหน้าหรือสองหน้านั้น แทบไม่มีบทสนทนาเลย นั่นอาจดูเหมือนขี้เกียจเล็กน้อยในตอนแรก แต่จริงๆ แล้วฟังดูสร้างสรรค์ ภาพหรือฉากบางภาพอาจถูกขัดขวาง โดยบทสนทนาที่ไม่จำเป็น ภาพหนึ่งภาพมีความหมาย มากกว่าบทสนทนาหนึ่งพันคำ งานศิลปะที่เชี่ยวชาญของเบอร์เซิร์ก ตั้งแต่ระดับของรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงความรู้สึกของขนาด และความหมายที่ชัดเจนของแต่ละภาพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยายใดๆ
และในโลกของเบอร์เซิร์ก การทรยศหักหลัง สามารถเปลี่ยนเส้นทางของอาณาจักร หรือแม้แต่โลกทั้งใบได้ และจะมีผลกระทบทางอารมณ์อย่างมากต่อตัวละคร อย่างเช่นกริฟฟิธ ที่ไม่เพียงแต่หักของกลุ่มให้กับหัตถ์เทวะเท่านั้น แต่เขายังโกหกต่อกัส และมันยังทำให้โลกของแคสก้า แตกสลายอีกด้วย ที่น่าสังเกตคือกริฟฟิธ และกัส ยังคงมีสายสัมพันธ์ที่ไม่แตกหัก แต่ก็เหิ่งเหินจากการทรยศครั้งนี้ ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ดูสมจริงมาก