จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก หลังจากนี้ โกคูและเบจิต้า จะไม่ใช่ตัวละครหลักในดราก้อนบอล!

จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก เรื่องราวของดราก้อนบอลในภาคต่อไป จะมีโกเท็นและทรั้งคซ์เป็นดาราหลัก แทนที่ของพ่ออย่างโกคูและเบจิต้า

จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก มีข่าววงในออกมาว่าในอนาคตของมังงะเรื่อง ดราก้อนบอล ของนักเขียนอากิระ โทริยามะ จะนำเสนอและเน้นไปที่ตัวละครโกเท็น และทรั้งคซ์ แทนที่ตัวละครหลักจะทุกภาคที่ผ่านมา นั่นก็คือโกคูและเบจิต้า ซึ่งเป็นการยุติเรื่องราว ที่ยาวนานหลายทศวรรษ เกี่ยวกับตัวละครหลักทั้งสองคน ในตอนหนึ่งของรายการถ่ายทอดสด ทามาชิอิเนชั่น ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับ สินค้าธีมอนิเมะของบริษัท บรรณาธิการนิตยสาร วี-จัมป์ อุชิดะ ได้จัดแสดงภาพประกอบของโกเท็นและทรั้งคซ์

จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก

เพราะตัวละครรุ่นลูกทั้งสองตัว จะปรากฏในภาคใหม่ที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น และทั้งคู่ก็สวมชุดซูเปอร์ฮีโร่ ที่ชวนให้นึกถึงชุด เกรทไซยาแมนของโกฮัง ตามที่อุชิดะกล่าวไว้ เครื่องแต่งกายยังมาพร้อมกับหน้ากาก ซึ่งหมายความว่าโกเท็นและทรั้งคซ์ จะต่อสู้กับความชั่วร้าย ในขณะที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ซึ่งการส่งต่อตัวละครหลัก ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สำหรับแฟรนไชส์ดราก้อนบอล หลังจากการพลิกผันของเบจิต้า ที่จากวายร้ายกลายเป็นฮีโร่

ผู้สร้างซีรีส์มักจะให้เจ้าชายชาวไซย่า ต่อสู้เคียงข้างโกคู กับใครก็ตามที่เป็นภัยคุกคาม ต่อโลกของพวกเขา ในขณะที่ทรังคซ์ (ที่มาจากโลกอนาคต) ก้าวเข้ามาเป็นจุดสนใจในบางฉาก แต่โกคูและเบจิต้าก็ยังคงเป็นจุดสนใจโดยรวม ในขณะที่โกเท็น เพื่อนซี้ของทรังคซ์ในวัยเยาว์ มีบทบาทรองลงมาในเกือบทุกภาคของดราก้อนบอล โกเท็นและทรังคซ์ต้องฉายแววเป็นหนึ่งเดียว ที่ซึ่งทั้งคู่แสดงท่ารวมร่างแบบฟิวชั่น และกลายร่างเป็นตัวละครโกเท็นครูซ

เป็นระยะเวลานานพอสมควร หลังจากภาคซูเปอร์ และข่าวในการสร้างภาคต่อ ก็หายไปอย่างไม่มีกำหนดจากเดือนสิงหาคม หลังจากที่แฟนการ์ตูนเรื่องนี้รอคอย ก็ได้รับข่าวดีเมื่อจะมีบทแรก ของการเปิดตัวภาคใหม่ในวันที่ 21 ธันวาคม (20 ธันวาคมในต่างประเทศ) ซึ่งแม้ว่าโกเท็นและทรังคซ์ จะเป็นตัวละครหลักในภาคใหม่นี้ แต่เนื้อเรื่องก็จะเน้นหนักไปที่ โกฮังและพิโกโร่ ซึ่งน่าจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้กับตัวเอกรุ่นเยาว์ ในภาคล่าสุดที่จะมีชื่อว่า ซุปเปอร์ฮีโร่

ซึ่งเนื้อเรื่องในภาคนี้ จะเป็นทางด้านของโกฮังและพิโกโร่ ร่วมมือกันต่อสู้กับกองทัพเรดริบบอน ที่เพิ่งฟื้นคืนชีพ และได้พ์ฒนาหุ่นยนต์ตัวใหม่ อันทรงพลังของกลุ่ม นั่นคือ แกมมา 1 และแกมมา 2 เข้าฉายในอเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้กว่า 31 ล้านเหรียญในสหรัฐอเมริกา จากบ็อกซ์ออฟฟิศในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เปิดตัวโดยเอาชนะภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้า ของแฟรนไชส์ดราก้อนบอล ในภาคโบวลี่ และในญี่ปุ่น ภาคซูเปอร์ฮีโร่ทำรายได้มากกว่าสองพันล้านเยน (เท่ากับประมาณ 14.75 ล้านดอลลาร์) ในช่วงเดือนแรก ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์

แฟนการ์ตูนต่างมีความคิดเห็น ทั้งดีและไม่ดี ในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ ของตัวละครโกเท็นและทรังคซ์

แทบไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไป ระหว่างสองซีรีส์ของดราก้อนบอล ที่ผ่านมา สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าตัวละครบางตัว ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย ในขณะที่บางตัวแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย และวันนี้เป็นกรณีของโกเท็นและทรังคซ์ จากวัยเยาว์เข้าสู่วัยรุ่น จนกระทั่งภาพยนตร์อนิเมะเรื่องล่าสุด ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ทำให้หนุ่มๆ ทั้งสอง ดูมีแววตาที่โตขึ้น แต่แฟนๆ บางส่วนก็ไม่พอใจในรูปลักษณ์นี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบหน้าตาของทั้งคู่ในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีการออกแบบใหม่ตามยุคสมัย หลายปีผ่านไป นับตั้งแต่การเปิดตัวของวัยรุ่น และถึงเวลาที่ลูกครึ่งชาวไซย่าเริ่มดูมีอายุขึ้น

ในช่วงระยะเวลาของอนิเมะ ก่อนหน้านี้ ทั้งสองดูจะมีอายุไล่เลี่ยกัน จากภาคจอมมารบู แต่การถูกวิจารณ์โดยแฟนการ์ตูน รู้สึกว่าการออกแบบของตัวละครแต่ละตัว ค่อนข้างไม่สอดคล้องกับช่วงเวลา และสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่น นาเมเคียน เด็นเด้ ดูเหมือนจะย้อนวัย โดยการออกแบบในภาคซูเปอร์ ดูอ่อนวัยกว่าในภาคใหม่นี้ วึ่งผู้เขียนก็พยายามแก้ไขปัญหาทั้งสองนี้ โดยในที่สุดโกเท็นและทรังคซ์ ก็ได้รับการออกแบบใหม่ ที่สะท้อนถึงอายุของพวกเขา

แต่แฟนการ์ตูนบางคน ก็ไม่ได้โฟกัสรูปลักษณ์ของพวกเขา ผมของโกเท็นค่อนข้างรุงรัง ผิดไปจากความคล้ายคลึงกับพ่อของเขาเล็กน้อย คนอื่นๆ ยังรู้สึกว่ารูปลักษณ์ใหม่ของทรังก์ ดูเรียบง่ายหรือน่าเบื่อเกินไป สำหรับตัวละครที่แฟนๆ ชื่นชอบ และการที่สีผมของเขาไม่ได้ช่วยอะไรเลย การออกแบบเหล่านี้ เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้สำหรับบางคน แต่บางอย่างในแนวเดียวกันนี้ จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับตัวละคร และแฟรนไชส์ของพวกเขา

ดังที่ได้กล่าวไว้ มีช่วงเวลาที่เห็นได้ชัด ระหว่างจุดสิ้นสุดของดราก้อนบอล แซด และจุดตามลำดับเวลาปัจจุบันของภาคซูเปอร์ ซึ่งในภาคซูเปอร์ฮีโร่นั้นสอดคล้องกับ เหตุการณ์ในอนิเมะ ดังนั้นเพื่อขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ไปข้างหน้า เด็กๆ ต้องเติบโตขึ้น โกเท็นและทรังคซ์ไม่สามารถอยู่แบบเด็กๆ ได้ตลอดไป หากเนื้อเรื่องดำเนินไปตลอดเวลาที่เกิดขึ้น และเนื่องจากตัวละครของพวกเขา มีอายุมากกว่าคนอื่นๆ พวกเขาทั้งสองจึงจำเป็น ต้องได้รับการออกแบบใหม่มากที่สุด

ในกรณีของตัวละครอย่างโกฮังและวีเดล ภรรยาของเขา พวกเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งอาจไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างหน้าตามากนักเมื่อถึงวัย ในทำนองเดียวกัน เลือดของชาวไซย่า สามารถใช้อธิบายได้ว่า ทำไมโกคูและเบจิต้าจึงยังดูไม่แก่ และกระฉับกระเฉง จึงทำให้พวกเขาไม่ต้องการ การออกแบบใหม่ๆ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าแฟรนไชส์นี้พร้อมแล้วจริงๆ ที่จะให้ตัวละครต่างๆ ดำเนินชีวิตต่อไป และพัฒนาชีวิตของพวกเขา ดังนั้นจึงอธิบายได้ว่า ทำไมโกฮังจึงดูเหมือนละทิ้งการต่อสู้

ส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการนั้น หมายความว่าเด็กๆ เช่นโกฮังและทรังคซ์มีอายุมากขึ้น และได้รับการออกแบบใหม่ ให้เหมาะกับวัยของพวกเขา แม้ว่าการออกแบบที่ได้ จะทำได้ไม่ยอดเยี่ยมเท่าไรนัก แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็จำเป็น เพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไปได้ manga-alice.com